ผ่าเบื้องหลังดีลขาย “โดมิโน่ พิซซ่า” อดีตผู้บริหารวาวแฟคเตอร์ช้อนซื้อ หลังขาดทุนสะสม 3 ปี

827

โดมิโน่ พิซซ่า (Domino’s Pizza) เชนอาหารจานด่วนสัญชาติอเมริกันถึงคราวเปลี่ยนมืออีกครั้ง หลังจาก บมจ.วาว แฟคเตอร์ ได้ขายบริษัทย่อย 3 บริษัท หนึ่งในนั้น คือ บริษัท โดมิโน่ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด มาสเตอร์แฟรนไชส์ โดมิโน่ พิซซ่า จำนวน 3,874,300 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็น 90.10% รวมเป็นมูลค่า 248 ล้านบาท เหลือหุ้นไว้เพียง 8.82%

ขณะที่มูลค่าตอนซื้อมาสเตอร์แฟรนไชส์โดมิโน่ พิซซ่า จาก Domino’s Pizza International Franchising Inc. โดยรับโอนจากเจ้าของเดิม คือ บริษัท โดมิโน่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เอฟซี คอมมิซซารี่ จำกัด เมื่อปี 2563 ใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 400 ล้านบาท

ทั้งนี้ เจ้าของใหม่โดมิโน่ พิซซ่า ผู้ปิดดีลไปได้ คือ นายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ อดีตมือเก๋าของวาว แฟคเตอร์ และ CEO โดมิโน่ พิซซ่า ที่เพิ่งอำลาตำแหน่งไปเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งที่ผ่านมานายศิรัตน์ เป็นหัวแรงสำคัญในการขับเคลื่อนโดมิโน่ พิซซ่า และเชี่ยวชาญด้านการทำธุรกิจคิวเอสอาร์

เบื้องหลังตลาดพิซซ่าในประเทศไทย ยักษ์ใหญ่พิซซ่าอย่าง เดอะพิซซ่า คอมปะนี เคยให้ตัวเลขไว้ว่า จากปี 2563 มูลค่า 15,000 ล้านบาท จะหดตัวลง 15% ในปี 2564 ทำให้เหลือมูลค่าราว 12,750 ล้านบาท จากพิษเศรษฐกิจและโควิด ทำให้การแข่งขันของตลาดพิซซ่าเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ จากภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย

ขณะที่หากโฟกัสผลประกอบการ บมจ.วาว แฟคเตอร์ ย้อนหลัง 3 ปี จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะพบว่าประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่อง

ปี 2563 รายได้รวม 419.89 ล้านบาท กำไรสุทธิ -238.81 ล้านบาท

ปี 2564 รายได้รวม 426.22 ล้านบาท กำไรสุทธิ -276.45 ล้านบาท

ปี 2565 ผลประกอบการ 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) รายได้รวม 494.46 ล้านบาท กำไรสุทธิ -302.63 ล้านบาท

สอดรับกับคำชี้แจงของวาวแฟคเตอร์ที่ระบุว่า การขายสินทรัพย์ของทางบริษัทฯ ในครั้งนี้ เนื่องจากต้องการขายธุรกิจที่ใช้เงินทุนสูงออกไป อย่างโดมิโน่ พิซซ่าต้องใช้เงินทุนในการขยายสาขาค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ดี วาว แฟคเตอร์ จะยังคงธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญไว้แทน อาทิ ธุรกิจชาบู ซึ่งเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างมาแรง มีตลาดที่กว้าง บริโภคได้ง่าย และมีโอกาสการแข่งขันในตลาดสูงกว่าธุรกิจที่ได้ขายออกไป

สำหรับโดมิโน่ พิซซ่า ในมือเจ้าของใหม่ต้องลุ้นแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์จากคีย์แมนใหม่อย่างศิรัตน์ว่าจะสามารถพลิกฟื้นธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้หรือไม่