IEA คาดดีมานด์การใช้พลังงานทั่วโลกพื้นตัวปี 2567 เหตุแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น

522

IEA คาดดีมานด์การใช้พลังงานทั่วโลกพื้นตัว 3.3% ในปี 2567 เหตุแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น และหากมีการผลิตพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าว The Business Times รายงานว่า สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยรายงานว่าวิกฤตพลังงานที่กำลังดำเนินอยู่และภาวะเศรษฐกิจถดถอยคาดว่าจะชะลอการเติบโตของความต้องการไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2566 แต่จะฟื้นตัวในปี 2567 หากมีการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น

โดยอัตราการเติบโตของการใช้พลังงานทั่วโลกชะลอตัวลงเหลือน้อยกว่า 2% ในปี 2566 ลดลงจาก 2.3% ในปี 2565 ซึ่งลดลงจากค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 2.4% สำหรับปี 2567 อัตราดังกล่าวคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.3% เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น

IEA คาดการณ์ว่าพลังงานหมุนเวียนจะครอบคลุมการเติบโตที่คาดไว้ในปีนี้และปีหน้า และพลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนจะเกิน 1 ใน 3 ของแหล่งจ่ายไฟทั่วโลกทั้งหมดเป็นครั้งแรกในปีหน้า อย่างไรก็ตามไฟฟ้าพลังน้ำได้ลดลง โดยลดลงประมาณ 2% ในปี 2563-2565 เมื่อเทียบกับตัวเลขในปี 2533-2559 ซึ่งคิดเป็นประมาณ 240 เทราวัตต์-ชั่วโมง หรือปริมาณการใช้ต่อปีของสเปน

IEA กล่าวว่า “การคาดการณ์ความท้าทายเกี่ยวกับไฟฟ้าพลังน้ำที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการวางแผนตามนั้น จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการใช้ทรัพยากรพลังน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน”

ทั้งนี้ การเติบโตของพลังงานหมุนเวียนน่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซทั่วโลก เนื่องจากการปล่อยก๊าซที่เพิ่มขึ้นในจีนและอินเดียคาดว่าจะถูกชดเชยด้วยการลดลงในประเทศอื่น ๆ ที่มีการใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น และก๊าซธรรมชาติยังคงใช้ทดแทนถ่านหิน

นอกจากนี้ข้อมูล IEA แสดงให้เห็นว่าสหภาพยุโรปเพียงภูมิภาคคิดเป็น 40% ของการลดลงของการปล่อยก๊าซทั้งหมดจากการผลิตไฟฟ้า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ สหภาพยุโรปบันทึกความต้องการไฟฟ้าลดลง 6% เนื่องจากอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานเข้มข้น ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมอลูมิเนียม เหล็ก กระดาษ และเคมี ลดการใช้พลังงานลงเพื่อตอบสนองต่อราคาที่สูง ฤดูหนาวที่ค่อนข้างอบอุ่นมีผลกระทบจำกัดต่ออุปสงค์ที่ลดลง

ขณะที่ราคาขายส่งไฟฟ้าลดลงอย่างมากจากสถิติที่เคยทำไว้เมื่อปีที่แล้วอันเป็นผลมาจากการหยุดชะงักที่เกิดจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย แต่ราคาเฉลี่ยในยุโรปยังคงสูงกว่า 2 เท่าในปี 2562 อินเดียเพิ่มขึ้น 80% และญี่ปุ่นมากกว่า 30%

อย่างไรก็ตาม ราคาในสหรัฐอเมริกาได้ถอยกลับเกือบถึงระดับ 2019 คาดว่าอุปสงค์ของประเทศจะลดลง 1.7% ในปี 2566 เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และจะฟื้นตัวในปี 2567 เป็น 2% ลดลงจาก 2.6% ในปี 2565

อ้างอิง : https://www.businesstimes.com.sg/international/global-power-demand-growth-rebound-2024-after-slowdown-iea