บ้านหรู 10 ล้านบาท ขายไม่ออก 4.32 แสนล้านบาท ยูนิตเพิ่มจากก่อนโควิด 2 เท่า
บ้านหรู 10 ล้านบาท ยังลำบาก กำลังซื้อคนรวยมีจำกัด ผู้ประกอบการแห่ทำอสังหาราคาแพง ปี 66 ทะลุ 6,626 หน่วย มูลค่า 1.31 แสนล้านบาท ดันเหลือขายมูลค่าทะลัก 4.32 ล้านบาท เพิ่ม 18,570 หน่วย ขยายตัวจากช่องก่อนโควิด 2 เท่า
ปี 2567 ยังเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไม่เว้นแม้แต่ “บ้านหรู-คอนโดหรู” ระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ในโซน กทม. และปริมณฑล ปี 2566 ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
หลังจากอสังหาริมทรัพย์ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท เจอพิษปฏิเสธสินเชื่อกู้บ้าน (รีเจ็กต์ เลต) สูง 60% ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ติดลบทั้งในแง่ยูนิตและมูลค่า (อ้างอิง REIC) ดังนี้
- ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท จำนวน 85,514 หน่วย ติดลบ 9.6% และมีมูลค่า 50,177 ล้านบาท ลดลง 8.7%
- ราคา 1.01 – 1.50 ล้านบาท จำนวน 47,213 หน่วย ลดลง 7.8% และมีมูลค่า 61,461 ล้านบาท ลดลง 7.3%
- ราคา 1.51 – 2.00 ล้านบาท จำนวน 52,973 หน่วย ลดลง 7.4% และมีมูลค่า 94,505 ล้านบาท ลดลง 7.5%
- ราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท จำนวน 89,402 หน่วย ลดลง 9.8% และมีมูลค่า 226,898 ล้านบาท ลดลง 9.7%
ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แห่หันจับกลุ่มบ้านหรู ราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อแก้เกม ด้วยกำลังซื้อคนกลุ่ทบนยังมี รวมไปถึงยังมีกำลังซื้อจากชาวต่างชาติมาเสริมในส่วนคอนโดหรู
แม้ตลาดบ้านหรูจะมีศักยภาพ แต่มีข้อจำกัดที่ว่ากลุ่มก้อน “คนรวย” ในประเทศไทยย่อมมีจำกัดเช่นกัน
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า
ปี 2566 ที่ผ่านมา บ้านระดับราคา 10 ล้านบาท ขึ้นไป มีแนวโน้มขยายตัวสูง สวนทางยอดขายออกใหม่ ทำให้เสี่ยงเกิดภาวะซัพพลายล้น
โดยยอดเปิดตัวใหม่ ปี 2566 มีจำนวน 6,626 หน่วย เพิ่มขึ้น 131% จากปี 2565 ที่มีจำนวน 2,866 หน่วย และมีมูลค่า 136,353 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121% จากปี 2565 ที่มีมูลค่า 61,851 ล้านบาท
ที่น่าพิจารณา คือ อัตราการขยายตัวของกลุ่มคอนโด และบ้านเดี่ยว เพิ่มค่อนข้างสูง ดังนี้
- คอนโด ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวน 2,717 หน่วย เพิ่มขึ้น 1,774% โดยมีอัตราดูดซับ 1.4%
- บ้านเดี่ยว ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 3,698 หน่วย เพิ่มขึ้น 55.6% โดยมีอัตราดูดซับ 2.9%
“เป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการขายออก (แนวราบ) ราคา 10 ล้านบาท
ที่ขายได้เพียง 1 ใน 3 ของซัพพลายใหม่ที่เข้ามา”
ยกตัวอย่าง อสังหาฯ ราคา 10 ล้านบาท
- คอนโด ยอดขายได้ใน Q4/2566 = 215 หน่วย จากหน่วยเสนอขายทั้งหมด 5,225 หน่วย
- บ้านเดี่ยว ขายได้ใน Q4/2566 = 1,130 หน่วย จากหน่วยเสนอขายทั้งหมด 12,978 หน่วย
อสังหาฯ ราคา 20 ล้านบาท
- คอนโด เปิดตัวใหม่ Q4/2566 = 631 หน่วย แต่ขายได้ใหม่ใน Q4/2566 = 81 หน่วย
- บ้านเดี่ยว เปิดตัวใหม่ Q4/2566 = 1,171 หน่วย แต่ขายได้ใหม่ใน Q4/2566 = 361 หน่วย
จากการเก็บข้อมูล พบว่า มีโครงการสร้างเสร็จพร้อมขาย 3,200 หน่วย และมีโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้าง 7,000 หน่วย ส่วนโครงการในอนาคตมีอีก 2,700 หน่วย ที่จะมาเติมในฝั่งซัพพลาย แต่สถิติการขายไม่ได้เพิ่มขึ้น
ยอดการเปิดตัวใหม่ที่ไม่สอดคล้องกับยอดขาย สะท้อนเป็นตัวเลขที่ชัดเจนในหน่วยเหลือขาย ปี 2566 จำนวน 18,570 หน่วย เพิ่มขึ้น 56.1% (yoy)
แต่หากเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิดปี 2561-2562 ที่มียอดเหลือขายเพียง 9,713 หน่วย และ 12,196 หน่วย ตามลำดับ หรือคิดเป็นการขยายตัว 2 เท่า
โดยมีมูลค่าเหลือขายในปี 2566 รวม 432,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% (yoy) เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีหน่วยเหลือขาย 271,886 หน่วย
ทำเลเหลือขายในราคา 10 ล้านบาท ขึ้นไป ได้แก่
- อันดับ 1 เมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด จำนวน 1,657 ยูนิต มีอัตราดูดซับ 3.3%
- อันดับ 2 หลักสี่-ดอนเมือง-สายไหม-บางเขน จำนวน 1,240 ยูนิต มีอัตราดูดซับ 2.9%
- อันดับ 3 บางซื่อ-ดุสิต จำนวน 1,225 ยูนิต มีอัตราดูดซับ 0.5%
- อันดับ 4 ภาษีเจริญ-บางแค-หนองแขม จำนวน 1,201 ยูนิต มีอัตราดูดซับ 2.5%
- อันดับ 5 บางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 1,197 ยูนิต มีอัตราดูดซับ 2.8%
“นี่เป็นสัญญาณให้ผู้ประกอบการต้องเริ่มระวัง เพราะการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปสูง ไม่ได้สวยหรู การแข่งขันยังดุเดือดต่อเนื่อง”