หุ้นปิดลบ 1.00 จุด รอตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ-ผลประชุม ECB

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปิดวันนี้ (10 มิ.ย.) ที่ระดับ 1,625.27 จุด ลดลง 1.00 จุด (-0.06%) มูลค่าการซื้อขาย 105,961.36 ล้านบาท ดัชนีเคลื่อนไหวส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ทำระดับสูงสุด 1,636.22 จุด และระดับต่ำสุด 1,623.57 จุด
นายวิจิตร อายะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ sideway ตามทิศทางตลาดทั่วโลกที่รอผลกาประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI)ของสหรัฐ ในคืนนี้ ภาพระยะสั้นเป็นการแกว่งตัวรอ ขณะเดียวกันไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาด้วย
ขณะที่สถานการณ์ในประเทศที่มีโมเมมตัมการฉีดวัคซีนดีขึ้นเรื่อยๆ โดยฉีดได้วันละ 3-4 แสนโดส เป็นแรงสนับสนุนตลาด และมีการหมุนเล่นกลุ่ม Domestic play เช่น ท่องเที่ยว ค้าปลีก ช่วยพยุงตลาดได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไปไหนได้ไม่ไกล เนื่องจากนักลงทุนรอตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน พ.ค.ของสหรัฐโดยคาดว่าจะออกมาเพิ่มขึ้น 4.7% จากเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้น 4.2% และจะนำไปสู่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ (11 มิ.ย.) ขึ้นอยู่กับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ หากมีการเร่งตัวขึ้นจะส่งให้ตลาดอาจมีจังหวะถอยบ้าง เพราะกลัวว่าจะมีการปรับลดการทำ QE แต่หากตัวเลขเงินเฟ้อปรับขึ้นไม่มากกว่าที่ตลาดคาดคงไม่ได้กังวลมาก เพราะเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นมามาจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว และสหรัฐมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ทำให้เงินเฟ้อสูงกว่าปกติ และมองว่าเงินเฟ้อหลังไตรมาส 3 น่าจะไม่สูง เพราะรัฐบาลจะไม่อัดฉีดเงินแล้ว
พร้อมให้แนวรับที่ 1,615 จุด แนวต้านที่ 1,635 จุด สำหรับวันพรุ่งนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า แม้พรุ่งนี้จะปลดล็อกเรื่องเงินเฟ้อ แต่ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมเฟด ที่จะเป็นไฮไลท์ของตลาดที่ต้องติดตามต่อไป
5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด
- KBANK มูลค่าการซื้อขาย 6,579.05 ล้านบาท ปิดที่ 127.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
- TTA มูลค่าการซื้อขาย 2,862.95 ล้านบาท ปิดที่ 18.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท
- RCL มูลค่าการซื้อขาย 2,763.52 ล้านบาท ปิดที่ 63.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.75 บาท
- BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,579.31 ล้านบาท ปิดที่ 22.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท
- AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,406.64 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท