บล.กรุงไทย ซีมิโก้ คาดไตรมาส 2 ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มลดลง แนะลงทุนหุ้นปลอดภัย กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า อาหาร และICT

นักวิเคราะห์ บล. กรุงไทย ซีมิโก้
ให้ประเด็นการลงทุน ผ่านสัมมนาออนไลน์ “Investment Outlook 2Q20: พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส” โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้มีแนวโน้มลดลงอยู่ในกรอบ
747 – 1017
จุด จากผลกระทบการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจและกลุ่มอิงการท่องเที่ยว
พลังงาน สถาบันการเงิน แนะลงทุนหุ้นปลอดภัย ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า กลุ่มอาหาร
และกลุ่ม ICT
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กรุงไทย ซีมิโก้ ได้ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ไว้ว่า “ดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 747 – 1017 จุด อิงระดับ PER 11-15 เท่า โดยกรณี Base Case อยู่ที่ 884 จุด อิง 2020E EPS ที่ 67.90 บาท -20.5% ซึ่งต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับประมาณการ Bloomberg Consensus EPS ที่ 92.9 บาท +8.7% เป็นผลจากที่เราคาดว่าผลกำไรกลุ่มอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร จะถูกปรับลดประมาณการกำไรลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังเราปรับลดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็น-4.6% (VSธปท.-5.3%) ส่วนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยจะขึ้นอยู่กับ 1) ความรวดเร็วในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั่วโลก ให้เข้าสู่ภาวะควบคุมได้ ซึ่งเราคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ภายในกลางปีนี้ และต้องใช้เวลาอีก 3-6 เดือนสำหรับการกลับสู่ภาวะปกติ 2) ภาคการผลิตจีนสามารถกลับสู่ภาวะการผลิตปกติได้เร็วเพียงใด และ 3) ความรวดเร็วในการออกมาตรการด้านการเงินและการคลังจำนวนมหาศาลของทุกประเทศทั่วโลก”
สำหรับพอร์ตลงทุนแนะนำ 1)
กลุ่มบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้า ได้แก่GPSC
EGCO RATCH จากรายได้ที่มีความแน่นอนและจ่ายปันผลได้ต่อเนื่อง
2) กลุ่มบริษัทที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ ด้วยยิลด์ปันผลสูงกว่า 5% ได้แก่ DIF JASIF INTUCH TISCO 3)
กลุ่มบริษัทที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล ได้แก่ CK STEC AIT ADVANC CPFและ 4)
กลุ่มบริษัทที่จะฟื้นตัวได้เร็วหากเศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติ ได้แก่ MTC SAWAD
ด้านนายเจริญเอี่ยม พัฒนธรรมผู้อำนวยการ
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงไทย ซีมิโก้ ให้มุมมองการลงทุนทางเทคนิคคอลไว้ว่า
“ดัชนีSET ในไตรมาส
2 ยังคงมีความเสี่ยงที่จะอ่อนตัวลง หลังดัชนียังไร้สัญญาณบวก
หรือการกลับตัวที่ชัดเจน ที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงการรีบาวด์สลับเข้ามา
แต่ก็มีมุมองบวกต่อแนวรับบริเวณ 1,010 / 969 – 950 และ 903 จุด
เพราะคาดว่าดัชนีอาจสามารถสร้างฐานบริเวณดังกล่าวได้ หลังจากช่วงที่ผ่านมาดัชนีพยายามเด้งตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวในระดับ
1,100 จุด และมักจะเด้งตัวกลับขึ้นมาเร็วจากบริเวณ 1,010 จุด
รวมถึงที่บริเวณดังกล่าวดัชนีปรับตัวลงราว 45% จาก 1,852 จุด
ดังนั้นการปรับตัวลงต่อ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสการรีบาวด์รอบใหญ่ได้
ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,120 และ 1,219 จุด โดยเฉพาะการผ่าน 1,219 จุดไปได้
ดัชนีก็น่าจะกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,400 จุดอีกครั้ง”
ส่วนการลงทุนในตลาดสินค้า TFEX หรือตราสารอนุพันธ์
นายอนรรฆพล เมืองเกษมรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กรุงไทย
ซีมิโก้ ได้แนะว่า “ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจในช่วงไตรมาส
2 ของปีนี้ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวทางเทคนิคอยู่ที่บริเวณ 1,400-1,750
ดอลลาร์สหรัฐ เราคาดว่าจะมีความผันผวน แต่ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อยู่
โดยมีเป้าหมายสำคัญในไตรมาส 2อยู่ที่บริเวณ 1,750 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา
ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ขึ้นไปทดสอบที่ 1,700
ดอลลาร์สหรัฐ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของCOVID-19 ที่ระบาดไปทั่วโลกในตอนนี้
และกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้มีการชะลอตัวแรง
ดังนั้นทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจอยู่สำหรับนักลงทุน
และยังน่าที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีได้
ตามแรงหนุนจากความต้องการทองคำที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
และธนาคารกลางทั่วโลกต่างพร้อมใจกันออกมาตรการกระตุ้นเศรฐกิจ”