“ล้านแรก เขาว่ายาก แต่ล้านถัดไป จะหาง่ายขึ้น”

เพราะล้านแลกอาจแลกมาด้วยน้ำพักน้ำแรง
ในการแบ่งสัดส่วนจากเงินเดือน รวมถึงโบนัสมาออมเงิน
สะสมมาต่อเนื่องจนในที่สุดก็มาถึงวันที่มีเงิน 1 ล้านบาทแรก
แต่สำหรับใครที่อยากต่อยอดเงินล้านผ่านการลงทุน จะเลือกลงทุนในหุ้น หรือ
กองทุนรวมดี? จะต้องศึกษาอะไรบ้าง เลือกแบบไหนถึงเหมาะกับเรา
บทความนี้มีคำตอบค่ะ
หุ้นคืออะไร?
“หุ้นเป็นตราสารที่กิจการออกให้แก่ผู้ถือ
(Holder) เพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ
โดยผู้ถือ ตราสารทุนจะมีฐานะเป็น “เจ้าของกิจการ” ซึ่งจะมีส่วนได้เสีย หรือ มีสิทธิในทรัพย์สินและรายได้ของกิจการ
รวมทั้งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผล (Dividend) ซึ่งขึ้นอยู่กับผลกําไร และข้อตกลงของกิจการนั้นๆ”
ที่มา
: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สิ่งที่ต้องศึกษาหากต้องการซื้อหุ้น
มี 2
อย่าง คือ
1. ปัจจัยพื้นฐาน
: เป็นการดูความน่าสนใจของหุ้น โดยดูได้จาก
- ภาพรวมเศรษฐกิจ
: เป็นการวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจใจอนาคต ทั้งในประเทศไทยเอง และต่างประเทศ
ดัชนีชี้วัดที่ใช้ เช่น นโยบายการเงิน นโยบายการคลัง รวมถึงตัวเลขต่างๆ เช่น GDP อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย
- อุตสาหกรรม
: เป็นการวิเคราะห์การแข่งขันในอุตสาหกรรม
ในหุ้นที่เราสนใจว่ามีแนวโน้มที่จะเติบโตในด้านไหนได้บ้าง
- บริษัท
: ดูงบการเงินของหุ้นที่เราสนใจ ว่าที่ผ่านมามีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างไร
มีหนี้สินเป็นอย่างไรบ้าง แล้วอนาคตดูมีแนวโน้มเป็นอย่างไร
2. ปัจจัยเทคนิค
: เป็นการดูต่อยอดจากปัจจัยพื้นฐาน เจอหุ้นที่น่าสนใจแล้ว จังหวะไหนที่ควรเข้าซื้อ
ข้อดี-ข้อเสีย
- ได้อิสระในการเลือกหุ้นที่อยากซื้อ
- จัดพอร์ตเองได้
- มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง
แต่แลกมากับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน
- จำกัดการลงทุนแค่หุ้นไทย
- ต้องศึกษาข้อมูลเองค่อนข้างมาก
และใช้เวลา
เหมาะกับใคร
- มีเวลาที่จะศึกษาและติดตามหุ้น
- ต้องการเลือกลงทุนด้วยตัวเอง
- รับความเสี่ยงได้สูง
จากข้อมูลทั้งหมดด้านบน
เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพียงเล็กน้อยในการเริ่มต้นศึกษาหุ้น
แต่ถ้าเราต้องการศึกษาหุ้นในหลายๆ ธุรกิจ แน่นอนกว่าจะต้องศึกษาข้อมูลมากขึ้น
ใครที่ไม่ค่อยถนัด หรือไม่มีเวลาศึกษาหุ้นรายตัว อีกทางเลือกหนึ่งที่แนะนำ คือ “กองทุนรวม” (แอบกระซิบว่าเริ่มต้นศึกษาง่ายกว่าหุ้นเยอะมากๆ)
กองทุนรวมคืออะไร?
“กองทุนรวม คือ
กองทุนที่รวบรวมเงินจากผู้ลงทุนหลาย ๆ คน โดยมีผู้จัดการกองทุนจาก บลจ.
เจ้าของกองทุน ที่จะนำเงินดังกล่าวไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ
ภายใต้กรอบนโยบายของกองทุนนั้น ๆ เพื่อให้ได้รับผลตอบแทน
แล้วจึงนำมาคืนให้ผู้ลงทุนแต่ละคนตามสัดส่วนที่ลงทุน หรือก็คือ
ตามจำนวนหน่วยลงทุนที่ถือครอง”
ที่มา
: กองทุนส่วนบุคคล คืออะไร? ต่างจากกองทุนรวมอย่างไร?
การเลือกซื้อกองทุนรวม
จะมีความแตกต่างกับการเลือกซื้อหุ้นตรงที่ กองทุนรวมมีระดับความเสี่ยง
และมีนโยบายการลงทุนให้เลือกลงทุนได้หลากหลาย
ดังนั้นสิ่งที่ต้องศึกษาหาต้องการเลือกซื้อกองทุนรวม คือ “ศึกษาว่าเราต้องการลงทุนไปเพื่ออะไร”
1. ต้องการรายได้ประจำ : ใช้เงินลงทุนสูง เพื่อให้มีกระแสเงินสดกลับมาใช้ในชีวิตประจำวันได้เพียงพอ เหมาะกับการลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล หรือ การขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Auto Redemption)
2. ต้องเก็บเงินก้อน : ตั้งเป้าหมายโดยแบ่งเป็นระยะสั้น (ไม่เกิน 3 ปี) ระยะกลาง (3-7 ปี) และระยะยาว (มากกว่า 7 ปี) เหมาะกับการทยอยลงทุนสะสมรายเดือน หรือ Dollar-Cost Averaging (DCA)
3. ต้องกระจายความเสี่ยง : เป็นการเลือกลงทุนมากกว่า 1 กองทุน เพื่อกระจายความเสี่ยง เหมาะกับการจัดเป็นพอร์ตการลงทุน โดยลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์
ข้อดี-ข้อเสีย
- มีผู้จัดการกองทุนบริหารเงินลงทุนให้เรา
- มีสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนหลากหลาย
- ลงทุนเพียง
1 กองทุนรวม ก็ได้กระจายความเสี่ยงแล้ว
- ไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกสินทรัพย์ในกองทุน
เหมาะกับใคร
- มือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุน
- ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง
- ไม่มีเวลาติดตาม
นอกจากหุ้นและกองทุนรวมแล้ว
ยังมีอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่น่าสนใจ คือ “กองทุนรวมส่วนบุคคล” หรือ Private Fund
กองทุนส่วนบุคคล
คืออะไร?
“กองทุนที่บริหารจัดการเงินของผู้ลงทุน
โดยมีผู้จัดการกองทุนจากบริษัทจัดการมาช่วยบริหาร
แต่เนื่องเพราะเป็นกองทุนส่วนบุคคล ผู้ลงทุนจึงสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย
หรือรายละเอียดในการลงทุนได้ เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของตนมากที่สุด”
ที่มา
: กองทุนส่วนบุคคล คืออะไร? ต่างจากกองทุนรวมอย่างไร?
ข้อได้เปรียบที่มากกว่าการเลือกลงทุน
ในหุ้น และ กองทุนรวม
- ลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลาย
ไม่จำกัดแค่หุ้น หรือ กองทุนรวม
- สามารถลงทุนได้ทั้งในประเทศ
และต่างประเทศ
- เริ่มต้น
1 ล้านบาทก็สามารถมีผู้เชี่ยวชาญมาดูแลพอร์ตแบบส่วนตัว
สรุป
เราสามารถนำเงิน
1 ล้านบาทนั้นไปต่อยอดได้หลายทาง เช่น หุ้น กองทุนรวม และกองทุนส่วนบุคคล
ซึ่งแต่ละทางก็มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป หากใครชอบที่จะเลือกหุ้นเอง
ก็สามารถลงทุนหุ้นโดยตรงได้ผ่านโบรกเกอร์
หากใครอยากให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยบริหารเงินลงทุนให้เรา
ก็สามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมได้ และถ้าใครอยากได้การบริการระดับ Private Banking มีเงินลงทุนสูงระดับหนึ่ง
ต้องการเลือกนโยบายการลงทุนเอง ก็อาจจะลองหาบริการกองทุนส่วนบุคคลได้เช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ก็อยากให้ทุกคนศึกษาหาความรู้ให้ดี ๆ
เพราะขึ้นชื่อว่าการลงทุน อย่างไรก็มีความเสี่ยงนะคะ
Get Wealth Soon
แผนการเงินที่ดีก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งชี้วัดภายในของหลายๆ คน หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มีเป้าหมายนี้ ก็สร้างแผนลงทุนในกองทุนรวมได้ง่ายๆผ่าน https://finno.me/moneyandbanking